เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [11. สักกสังยุต]
2. ทุติยวรรค 5. รามเณยยกสูตร

ภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวสักกะจอมเทพ เมื่อทรงยินดีกับพวกเทพชั้น
ดาวดึงส์ จึงได้ตรัสคาถาเหล่านี้ ในเวลานั้นว่า
ผู้ใดมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว
มีศีลงาม เป็นศีลที่พระอริยะชอบใจ1และสรรเสริญ
มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ และมีความเห็นตรง2
บัณฑิตทั้งหลายเรียกผู้นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน
ชีวิตของเขาก็ไม่สูญเปล่า
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึง
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ควรหมั่นประกอบศรัทธา
ศีล ความเลื่อมใส3 และการเห็นธรรม4”

ทฬิททสูตรที่ 4 จบ

5. รามเณยยกสูตร
ว่าด้วยสถานที่น่ารื่นรมย์

[261] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วประทับยืนอยู่ ณ ที่สมควรได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคดังนี้ว่า “สถานที่เช่นไรหนอเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์”


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [11. สักกสังยุต] 2. ทุติยวรรค 6. ยชมานสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสด้วยพระคาถาว่า
อารามอันวิจิตร ป่าอันวิจิตร
สระโบกขรณีที่สร้างอย่างดี
ยังไม่ถึงเศษ 1 ส่วน 16 แห่งภูมิสถานอันรื่นรมย์ของมนุษย์
พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ในที่ใด เป็นบ้านหรือเป็นป่า
เป็นที่ลุ่มหรือเป็นที่ดอนก็ตาม
ที่นั้นเป็นภูมิสถานที่น่ารื่นรมย์1

รามเณยยกสูตรที่ 5 จบ

6. ยชมานสูตร
ว่าด้วยการบูชา

[262] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เขตกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น
ท้าวสักกะจอมเทพเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วประทับ
ยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้เป็นสัตว์
ปรารถนาบุญ บูชาอยู่ ทำบุญซึ่งให้เกิดผล
ทานที่ให้แล้วในที่ไหนมีผลมาก พระพุทธเจ้าข้า2
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ท่านผู้ปฏิบัติดี 4 จำพวก
ท่านผู้ตั้งอยู่ในผล 4 จำพวก